การผลิตเครื่องสำอางในปัจจุบัน ไม่เพียงแต่ต้องสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูง แต่ยังต้องแสดงให้เห็นถึงการปฏิบัติที่ปลอดภัย ถูกต้องตามมาตรฐานสากล หลายองค์กรจึงเลือกวางระบบมาตรฐาน เช่น GMP เครื่องสำอางทั่วไป หรือ ISO 22716 แม้ว่าทั้งสองแนวทางจะมีเป้าหมายเดียวกัน คือการส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่ปลอดภัยและมีคุณภาพ แต่ก็มีความแตกต่างที่สำคัญในเชิงแนวคิดและการใช้งาน

ความแตกต่างที่สำคัญ

1. ขอบเขตและแนวคิดการควบคุม

• ISO 22716: ครอบคลุมตั้งแต่การจัดการบุคลากร วัตถุดิบ อุปกรณ์ กระบวนการผลิต การเก็บรักษา ไปจนถึงการจำหน่าย พร้อมแนวคิดการบริหารความเสี่ยงและการสื่อสารในองค์กร
• GMP ทั่วไป: มุ่งเน้นเฉพาะการผลิตที่ดี เน้นลดการปนเปื้อนและควบคุมคุณภาพผลิตภัณฑ์ที่ส่งมอบ

2. ความครอบคลุมทางเอกสาร

• ISO 22716: ต้องมีการจัดทำและควบคุมเอกสารอย่างเป็นระบบ เช่น Manual, SOPs, บันทึกการตรวจสอบ การติดตามผล และการทวนสอบ (Validation)
• GMP ทั่วไป: เน้นเอกสารการปฏิบัติงานในโรงงาน (Standard Operating Procedures) แ ละรายงานการตรวจสอบ แต่ไม่ละเอียดเชิงการบริหารองค์กรเท่า ISO 22716

3. มิติการประเมินความเสี่ยง

• ISO 22716: มีการวิเคราะห์และประเมินความเสี่ยง (Risk Assessment) ในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การรับวัตถุดิบจนถึงการส่งสินค้า
• GMP ทั่วไป: เน้นการปฏิบัติตามข้อกำหนดที่กำหนดไว้แล้ว โดยไม่ได้เน้นการประเมินความเสี่ยงเชิงระบบ

4. การรองรับการค้าระหว่างประเทศ

• ISO 22716: เป็นมาตรฐานบังคับสำหรับการส่งออกไปยังตลาดยุโรป (EU Cosmetics Regulation) และได้รับการยอมรับในระดับสากล
• GMP ทั่วไป: เหมาะสำหรับการจำหน่ายภายในประเทศที่ยึดข้อกำหนด GMP ของหน่วยงานภายใน เช่น อย. ในประเทศไทย

5. แนวทางการตรวจสอบ (Audit)

• ISO 22716: ใช้ระบบการตรวจติดตาม (Internal Audit) และการตรวจสอบภายนอกโดยหน่วยงานรับรอง (Certification Body)
• GMP ทั่วไป: มักเป็นการตรวจประเมินภายในหรือโดยหน่วยงานรัฐ ไม่เน้นการได้รับการ "รับรอง" จาก CB ต่างประเทศ

   ISO 22716 คือการยกระดับจากการ "ทำตาม" มาตรฐาน มาเป็นการ "บริหารจัดการ" ความปลอดภัยและคุณภาพเครื่องสำอางอย่างเป็นระบบ
ในขณะที่ GMP เครื่องสำอางทั่วไป เป็นการวางมาตรฐานขั้นต่ำที่สำคัญสำหรับการเริ่มต้น สำหรับองค์กรที่ต้องการขยายโอกาสทางการตลาด หรือเสริมสร้างภาพลักษณ์ในเวทีโลก การลงทุนในระบบ ISO 22716 จะเป็นก้าวสำคัญที่คุ้มค่าในระยะยาว